spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
spoilsoc.com
*ตั้งค่าถาวร (คลิกตั้งค่าถาวร) |
บทที่ 1: แดงเลือด
เจ็บ!
เจ็บอะไรอย่างนี้!
หัวมันปวดไปหมด!
โลกสีสันอันฉูดฉาดแพรวพราวพร้อมทั้งเสียงพึมพัมของผู้คนพลันแตกสลายลง โจวหมิงรุ่ยที่นอนอยู่รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนภายในหัว มันสร้างความเจ็บปวดแก่เขาเหมือนมีคนฟาดหัวของเขาด้วยไม้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ มันเหมือนมีของมีคมแทงเข้าที่ขมับของเขาแล้วหมุนไปมา!
อั่ก…ขณะที่ยังอยู่ในอาการมึนงง โจวหมิงรุ่ยพยายามจะหันมองรอบๆ เงยหน้ามอง และลุกขึ้นนั่ง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถขยับแขนขาได้ราวกับโดนตัดขาดจากพวกมันโดยสมบูรณ์
จากที่ดูแล้ว ฉันยังไม่ตื่นสินะ ฉันยังอยู่ในความฝัน…ใครจะรู้ บางทีฉากต่อไปอาจเป็นว่าฉันกำลังคิดว่าตัวเองตื่นแล้ว แต่จริงๆแล้วฉันยังหลับอยู่ก็ได้ ...
โจวหมิงรุ่ยที่ไม่คุ้นเคยกับการเผชิญหน้าสถานการณ์คล้ายแบบนี้ เขาพยายามอย่างถึงที่สุดมันคล้ายกับมีกุญแจมือที่อยู่บนมือเขา เขาเต็มไปด้วยความมืดมนและสับสน
อย่างไรก็ตามในขณะที่ยังคงอยู่ในภวังค์ สิ่งที่เขาคิดหรือเรียกหาไม่มีทางเกิดขึ้น เหมือนดั่งหมอกที่หายวับไป เขาพบว่าเขาควบคุมความคิดได้ยาก ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนเขาก็ยังคงเสียสมาธิเพราะความคิดมันสุ่มๆปรากฏขึ้นในใจของเขา
ทำไมจู่ๆฉันถึงต้องมาปวดหัวมากมายเช่นนี้ในยามค่ำคืน?
และมันก็เจ็บปวดจริงๆ!
มันอาจจะเหมือนพวกเลือดออกในสมองหรือไม่?
บ้าเอ้ย อย่าบอกนะว่าฉันกำลังจะตาย?
ฉันต้องตื่น! เดี๋ยวนี้!
เอ๊ะ? ทำไมมันไม่เจ็บเหมือนก่อนหน้า? แต่ทำไมมันยังรู้สึกเหมือนมีมีดกำลังตัดผ่านสมองของฉัน ...
ดูๆไปแล้ว มันคงจะนอนต่ออย่างนี้ไม่ได้ ฉันจะไปทำงานพรุ่งนี้ได้อย่างไร?
ทำไมฉันยังคิดเกี่ยวกับงานอยู่? นี่มันอาการปวดหัวจริงๆ แน่นอนฉันต้องลาหยุด! ฉันไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคำบ่นของผู้จัดการ!
เฮ้ เอาแบบนี้แล้วกัน มันก็ไม่ได้แย่อะไรนัก ฮิฮิ ในที่สุดฉันก็หาเวลาพักผ่อนให้ตัวเองได้!
ความเจ็บปวดที่เหมือนถูกแทงของโจวหมิงรุ่ย ทำให้เขารวบรวมกำลังอย่างช้าๆจนในที่สุดก็สามารถขยับหลังและลืมตาขึ้นมาได้ ในที่สุดเขาก็หลุดพ้นจากภวังค์
ภาพแรกในสายตาของเขาเบลอไปหมดก่อนจะเปื้อนเส้นแสงสีแดงเลือดอันเลือนลาง ทั้งหมดที่เขาเห็นคือโต๊ะนักศึกษาที่ทำจากไม้เนื้อดีอยู่ตรงหน้าเขา ที่กลางโต๊ะคือสมุดบันทึกที่เปิดอยู่มีหน้ากระดาษสีเหลืองหยาบ ชื่อนั้นเขียนด้วยตัวอักษรสีดำที่สะดุดตาอย่างเห็นได้ชัด
ด้านซ้ายของสมุดบันทึกเป็นหนังสือที่เรียงซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบมีจำนวนประมาณแปดเล่ม ผนังด้านขวาของพวกเขาถูกแทรกด้วยท่อสีขาวเทาพร้อมโคมไฟติดผนังที่เชื่อมต่อกัน
โคมไฟมีสไตล์คลาสสิกแบบตะวันตก มันมีขนาดประมาณครึ่งหนึ่งของหัวผู้ใหญ่ที่มีชั้นข้างในเป็นกระจกใสและด้านนอกเป็นตะแกรงที่ทำจากโลหะสีดำ
ใต้หลอดไฟมีขวดหมึกสีดำปกคลุมไปด้วยแสงสีแดงซีด พื้นผิวนูนมีลวดลายเทวดาจางๆ
ด้านหน้าขวดหมึกและทางด้านขวาของสมุดบันทึกจะมีปากกาสีดำที่มีลำตัวกลม ปลายของมันส่องแสงแวววาวจางๆ ในขณะที่หมวกวางอยู่ด้านข้างปืนพกทองเหลือง
ปืน? ปืนพก? โจวหมิงรุ่ยรู้สึกประหลาดใจ สิ่งที่วางไว้ต่อหน้าเขานั้นเป็นเหมือนสิ่งแปลกประหลาดสำหรับเขา มันไม่เหมือนห้องของเขาเลย!
ในขณะที่รู้สึกตกใจและสับสน เขาค้นพบว่าที่โต๊ะ สมุดบันทึก ขวดหมึกและปืนพกถูกปกคลุมด้วยแสง 'สีแดงเลือด' อันเป็นผลมาจากแสงที่ส่องจากหน้าต่าง
โดยไม่รู้ตัวเขาเงยหน้าขึ้นและขยับสายตาไปทีละนิด
พระจันทร์สีแดงเลือดลอยแขวนอยู่สูงเหนืออากาศเป็นฉากหลังของ 'ม่านกำมะหยี่สีดำ' ส่องแสงอย่างเงียบงัน
นี่…โจวหมิงรุ่ยรู้สึกหวาดกลัวอย่างลึกลับจนเขาเผลอยืนขึ้นอย่างกระทันหัน อย่างไรก็ตามก่อนที่เท้าของเขาจะเหยียดตรงอย่างเต็มที่ สมองของเขาก็สะท้านออกมาด้วยความเจ็บปวด มันทำให้เขาสูญเสียพละกำลังไปชั่วคราวขณะทำให้ล่วงสู่พื้นอย่างไม่อาจควบคุม บั้นท้ายของเขากระแทกอย่างแรงกับเก้าอี้ไม้ขนาดใหญ่
ผั่ก!
มันเจ็บปวดเล็กน้อย โจวหมิงรุ่ยยืนขึ้นอีกครั้งด้วยการพยุงตัวเอง เขาหันกลับมาอย่างว่องไวขณะสำรวจสภาพแวดล้อมที่เขาอยู่
ห้องพักไม่ใหญ่มากมีประตูสีน้ำตาลอยู่ด้านข้างของห้อง ใกล้กับผนังตรงข้ามเป็นเตียงไม้ต่ำ
ระหว่างเตียงกับประตูด้านซ้ายเป็นตู้เล็กๆ ประตูสองบานเปิดออกและข้างใต้มีลิ้นชักห้าบาน
ด้านข้างของตู้มีท่อสีขาวเทาที่มีความสูงเท่าคนเหมือนกับนผนัง อย่างไรก็ตามมันเชื่อมต่อกับอุปกรณ์กลไกแปลกๆ ที่มีเกียร์และตำแหน่งที่เปิดเผยในหลายๆจุด
ของที่คล้ายกับเตาถ่านหินอยู่ที่มุมขวาของห้องใกล้กับโต๊ะ พร้อมด้วยหม้อซุป หม้อเหล็ก และเครื่องครัวอื่น ๆ
ฝั่งตรงข้ามประตูด้านขวาเป็นกระจกที่ตกแต่งให้มีรอยแตกสองข้าง ด้านล่างทำจากไม้และลวดลายเรียบง่าย
ด้วยการจ้องมองของเขา ทำให้โจวหมิงรุ่ยสังเกตเห็นตัวเองในกระจก - สภาพปัจจุบันของเขา
ผมสีดำ นัยน์ตาสีน้ำตาล เสื้อเชิ้ตลินิน รูปร่างผอมบาง รูปลักษณ์โดยเฉลี่ยและเค้าโครงที่ค่อนข้างลึก ...
โจวหมิงรุ่ยอ้าปากค้างออกมาทันทีเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกินความคาดหมายที่เขาพบเจอ
ปืนพกลูกโม่สไตล์ยุโรปโบราณและพระจันทร์สีแดงเลือดที่ดูแตกต่างจากดวงจันทร์โลกอาจหมายถึงสิ่งเดียวเท่านั้น!
ฉะ-ฉันขอหนีได้ไหม? โจวหมิงรุ่ยอ้าปากเล็กน้อย
เขาเติบโตขึ้นมาจากการอ่านนิยายทางเว็บและมักจินตนาการถึงฉากเหล่านี้ อย่างไรก็ตามในไม่ช้าเขาก็พบว่ามันยากที่จะยอมรับสถานการณ์ เมื่อเขาพบว่าตัวเองอยู่ที่นี่คนเดียว
นี่อาจเป็นผลจากที่เขารักในแฟนตาซี? ตอนนั้นเองที่โจวหมิงรุ่ยก่นด่าตัวเองที่พยายามหาข้ออ้างให้กับสถานการณ์ในตอนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะอาการปวดหัวที่แทบจะฉีกกะโหลกของเขา เขาคงจะคิดว่ากำลังอยู่ในความฝัน
ใจเย็น ใจเย็น ใจเย็น ... หลังจากสูดหายใจเข้าลึกๆไม่กี่ครั้ง โจวหมิงรุ่ยพยายามอย่างหนักเพื่อหยุดอาการตื่นตระหนก
ในขณะที่จิตใจและร่างกายสงบลง ความทรงจำก็เริ่มค่อยๆไหลท่วมเข้ามาสู่จิตใจเขาอย่างช้าๆ!
ไคลน์ มอเรทตี้ พลเมืองของอาณาจักรโลนทางตอนเหนือ เขตเอบวา เมืองทิงเจ็น เขาเพิ่งสำเร็จการศึกษาภาควิชาประวัติศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยควอย ...
พ่อของเขาเป็นสิบเอกของกองทัพที่เสียสละตัวเองในระหว่างความขัดแย้งของอาณานิคมกับทวีปใต้ เบี้ยเลี้ยงสำหรับการสละชีพนั้นทำให้ไคลน์มีโอกาสเรียนในโรงเรียนสอนภาษาเอกชนและวางรากฐานสำหรับการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ...
แม่ของเขาเป็นสาวกของเทพธิดาราตรี เธอถึงแก่กรรมเมื่อปีที่ไคลน์ผ่านการสอบเข้ามหาวิทยาลัยควอย ...
นอกจากนี้เขายังมีพี่ชายและน้องสาว พวกเขาอยู่ในอพาร์ทเมนต์สองห้องนอนด้วยกัน ...
ครอบครัวของพวกเขาไม่ได้ร่ำรวยและอาจบอกได้ว่าค่อนข้างต้องการเงิน ในปัจจุบันครอบครัวได้รับการสนับสนุนจากพี่ชายที่ทำงานในบริษัทนำเข้าและส่งออกในฐานะเสมียน ...
ในฐานะที่จบมาทางประวัติศาสตร์ ไคลน์เข้าใจความรู้ภาษาเฟย์แซคโบราณ ซึ่งถือว่าเป็นที่มาของทุกภาษาในทวีปทางเหนือ - รวมถึงภาษาเฮอร์มีสซึ่งมักปรากฏในสุสานโบราณรวมถึงข้อความเกี่ยวกับพิธีกรรมการเสียสละและสวดมนต์ ...
ภาษาเฮอร์มีส? จิตใจโจวหมิงรุ่ยสั่นสะท้านขณะเอื้อมมือไปนวดขมับ เขาจ้องมองไปยังโต๊ะที่มีสมุดบันทึกเปิดไว้ เขาสังเกตเห็นข้อความบนกระดาษสีเหลืองเปลี่ยนไปจนคล้ายภาษามนุษย์ต่างดาว ก่อนที่จะเปลี่ยนจากมนุษย์ต่างดาวเป็นสิ่งที่คุ้นเคย จากนั้นมันกลายเป็นสิ่งที่อ่านได้
มันเป็นข้อความที่เขียนในภาษาเฮอร์มีส!
หมึกสีเข้มเขียนไว้ว่า:
“ ทุกคนจะต้องตายรวมถึงฉันด้วย”
อึก! โจวหมึกรุ่ยรู้สึกหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก เขาโน้มตัวกลับโดยสัญชาตญาณ พยายามเพิ่มระยะห่างระหว่างเขาและสมุดบันทึกรวมถึงข้อความบนนั้น
ด้วยที่ร่างกายอ่อนแอมาก เขาเกือบจะล้มแต่สามารถยื่นมือออกไปยึดไว้ที่ขอบโต๊ะได้ทัน เขารู้สึกว่าอากาศรอบตัวปั่นป่วนราวกับว่ามีลมพัดผ่านดังก้องอยู่ในนั้น ความรู้สึกนั้นคล้ายกับการได้ยินเรื่องราวสยองขวัญที่เล่าโดยคนเฒ่าคนแก่เมื่อเขายังเด็ก
เขาส่ายหัวโดยเชื่อว่าทุกอย่างเป็นภาพลวงตา โจวหมิงรุ่ยทรงตัวได้และเลื่อนสายตาจากสมุดบันทึกในขณะที่เขาหายใจไม่ออก
ในครั้งนี้เขาจ้องมองไปที่ปืนพกทองเหลือง ทันใดนั้นเขาก็มีคำถามขึ้นในใจ
จากสถานการณ์ครอบครัวของไคลน์พวกเขาจะมีเงินซื้อปืนได้อย่างไร?
โจวหมิงรุ่ยขมวดคิ้ว
ในขณะที่จมอยู่ในห้วงความคิด เขาก็พบรอยมือสีแดงที่ด้านข้างของโต๊ะ สีของมันชัดกว่าแสงจันทร์และเข้มกว่า 'ม่าน' มาก
มันเป็นรอยมือเปื้อนเลือด!
“ รอยมือเปื้อนเลือด?” โจวหมิงรุ่ยพลิกมือขวาของเขาที่จับขอบโต๊ะโดยไม่รู้ตัว เมื่อมองลงไปเขาก็เห็นว่าฝ่ามือและนิ้วของเขาชุ่มไปด้วยเลือด
ในเวลาเดียวกันความเจ็บปวดสั่นสะเทือนในหัวของเขาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ามันจะอ่อนลงเล็กน้อย แต่มันยังคงไม่หยุด
นี่ฉันควรทุบหัวตัวเองไปหรืออย่างไร?
โจวหมิงรุ่ยเดาขณะที่เขาหันกลับมาและเดินไปที่กระจกบนโต๊ะเครื่องแป้งที่แตกร้าว
ไม่กี่ก้าวต่อมา มีร่างเรือนผมสีดำขนาดตัวปานกลางและดวงตาสีน้ำตาลปรากฏตัวต่อหน้าเขา บุคคลนั้นเป็นนักศึกษาที่ไม่เหมือนตัวเขา
นี่เป็นตัวฉัน? ไคลน์ มอเรทตี้?
โจวหมิงรุ่ยตกตะลึง เนื่องจากมีแสงสว่างไม่เพียงพอในตอนกลางคืน เขาจึงเห็นไม่มันชัดเจนนัก เขาเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาเกือบชนกับกระจก
ใช้แสงแดงเข้มจากโคมไฟเปรียบเสมือนแสงจันทร์นำทาง เขาหันหัวมองตรวจสอบที่หน้าผากของเขา
ภาพสะท้อนที่ชัดเจนปรากฏขึ้นในกระจก ที่ขมับของเขามีบาดแผลแปลกประหลาดมีรอยไหม้อยู่รอบๆ เลือดเปื้อนบริเวณรอบๆแผลและมีน้ำสมองสีเทาพุ่งออกมาอย่างช้าๆ